6 checklist ส่งของกินทั่วไทย ยังไงให้ไม่เสีย

ninjaboy

6 checklist  อยากส่งของกินทั่วไทย ไม่ให้ของเสียหายต้องดูอะไรบ้าง

Checklists ส่งของกินทั่วไทยยังไงไม่ให้เน่าเสีย

     เนื่องจากสถานการณ์ของโควิด 19 ตอนนี้ส่งผลให้ร้านค้า ร้านอาหารได้รับผลกระทบที่สุดในขณะนี้ จากมาตรการคำสั่งของภาครัฐที่ให้สั่งกลับไปกินที่บ้าน แต่บางพื้นทีในตอนนี้ก็ถูกสั่งให้ปิดร้านเนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยง จากเชื้อไวรัสโควิด 19 และมาตรการที่ให้พนักงานหลายแห่งมีการ (Work from home) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส รวมถึงประชาชนหลายคนก็หวาดกลัวเจ้าเชื้อไวรัสนี้จนไม่ออกจากที่พักเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการหลายเจ้าจึงต้องมีการปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ในตลาดเพื่อความอยู่รอด นั่นก็คือวิธีการส่งอาหารให้ลูกค้า ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่ามีวิธีใดบ้าง

1. บริการจัดส่งจากทางร้าน

      ถ้าจะให้ทางร้านอาหารรอออเดอร์จากลูกค้าหน้าร้านตอนนี้คงจะมีจำนวนน้อยมาก ๆ ดังนั้นทางร้านจึงมีบริการจัดส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ด้วย เพื่อเพิ่มยอดขายให้ทางร้าน ไม่เพียงแต่ร้านอาหารเท่านั้น เดี๋ยวนี้ยังมีอาหารแบบ homemade ที่ไม่มีหน้าร้านแต่มีบริการจัดส่งให้ถึงที่เช่นกัน ส่วนค่าบริการจัดส่งก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของทางร้าน

  2.  ไรเดอร์จากแอพพลิเคชัน

     หลาย ๆ ท่านคงรู้จักกันมากพอสมควรกับแอพพลิเคชันสั่งอาหาร ซึ่งมีหลายแอพให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการ มีโปรโมชั่นแตกต่างกันไป และยังมีเมนูจากทางร้านค้าให้ลูกค้าได้ตัดสินใจง่ายขึ้นกับการเลือกเมนู มีตั้งแต่ร้านอาหารชื่อดังในห้างจนไปถึงร้านค้าลับ ๆ ในซอยลึกลับเช่นกัน

   3.  บุคคลรับหิ้ว

     เป็นอีกช่องทางการส่งของที่ขาดไม่ได้สำหรับบุคคลรับหิ้ว โดยรูปแบบของการทำงานคือ ลูกค้าสามารถสั่งเมนูอาหารที่ต้องการได้อย่างละเอียด ซึ่งจะมีการรับหิ้ว 2 แบบ คือหิ้วจากร้านอาหารร้านเดียวที่ผู้หิ้วได้ระบุไว้ และอีกแบบคือการรับหิ้วจากร้านอาหารบริเวณพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งลูกค้าสามารถระบุได้เลยว่าต้องการเมนูไหนจากร้านใด และจะสั่งกี่ร้านก็ได้ โดยอัตราค่าบริการจะเริ่มจากชิ้นแรก 20-40 ชิ้นต่อไป 5-10 บาท หรือเหมาค่าหิ้ว 60-100 ก็แล้วแต่ผู้รับหิ้วจะกำหนดราคา ไม่เพียงแต่เขตพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น ผู้หิ้วบางท่านยังรับหิ้วแบบข้ามจังหวัดหรือส่งหิ้วส่งพัสดุให้อีกด้วย

   4. ขนส่งพัสดุ

     ทุกท่านคงรู้จักกันดี และได้ใช้บริการขนส่งกันมาแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งบริษัทขนส่งเองก็มีทั้งของภาครัฐและของเอกชนให้ได้เลือกใช้บริการ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละท่าน อัตราค่าบริการก็ต่างกันไม่มาก มีรีวิวให้เปรียบเทียบตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากมาย

   5. ขนส่งพัสดุแบบ Same day

      เมื่อรู้จักขนส่งพัสดุปกติทั่วไปกันอยู่แล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่รู้จักกับขนส่งแบบ Same day ซึ่งก็คือการส่งของในพื้นที่กรุงเทพและเขตปริมณฑลถึงผู้รับภายในวันเดียว ซึ่งแตกต่างจากแมสเซนเจอร์ตรงที่อัตราค่าบริการ และการขนส่งเฉพาะพัสดุที่บรรจุหีบห่อมาเรียบร้อย โดยทยอยส่งในแต่ละพื้นที่ปลายทางผู้รับ ไม่ใช่การส่งให้เป้าหมายเพียงคนเดียวเป็นรอบ ๆ เหมือนแมสเซนเจอร์

6. ขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ

     หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ คืออะไร แล้วแตกต่างจากขนส่งทั่วไปยังไง เนื่องจากการส่งของกินหรืออาหารบางชนิดเมื่ออยู่ในอุณหภูมิแบบประเทศไทยและใช้เวลาหลายวันในการจัดส่ง อาจส่งผลให้อาหารเกิดการบูด เน่าเสีย หรือเกิดการขึ้นราได้ ฉะนั้นอาหารบางชนิดจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้การ ขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ เช่น เบเกอรี่ ซีฟู้ดดอง ฯลฯ

เมื่อรู้แล้วว่าการส่งอาหารสามารถส่งได้ด้วยวิธีใดบ้าง คงจะเป็นตัวเลือกและวิธีให้หลายท่านได้เลือกใช้บริการได้ถูกต้องและเหมาะสมกับประเภทอาหาร เพื่อคุณภาพอาหารและสุขลักษณะ