|
|
เนื่องจากว่าการปวดหลังเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ และไม่ได้หมายความถึงโรคใดๆ ที่แน่นอน ดังนั้น หากคุณมีอาการปวดหลังควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาตามความเหมาะสมตามสาเหตุของอาการปวดหลัง เพราะปวดหลังบอกโรคได้ เมื่อมีอาการปวดหลัง เบื้องต้น สิ่งที่เราควรทำคือ ให้ร่างกายมีเวลาพักผ่อนเพื่อให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทหลังหายหรือผ่อนคลาย ปรับท่านั่ง-นอน ให้เรียงตัวให้ถูกต้องเมื่อนั่งหรือนอน ใช้หมอนที่รับรู้ดีกับลักษณะปวดหลัง หลีกเลี่ยงการยกของวัตถุหนักหรือกางสิ่งของแบบเกินไป การทำกิจกรรมทางกายภาพเบาๆ อาจช่วยเสริมกล้ามเนื้อและลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรปฏิบัติอย่างระมัดระวังและด้วยความระมัดระวัง สามารถใช้ยาแก้ปวดที่จำหน่ายในร้านขายยาได้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากหรือคำแนะนำของแพทย์ และระมัดระวังการทำกิจกรรมประจำวันที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บในหลัง
อาการปวดหลังสามารถมีหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการปวดหลังกระดูกสันหลัง (Lumbago) เป็นอาการปวดหลังที่เกิดจากการเคลื่อนไหวผิดปกติหรือการยกของน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง สามารถเกิดขึ้นจากการงานหรือกิจกรรมที่ทำให้กระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อถูกบวม บริเวณที่ปวดอาจจะอยู่ในพื้นที่ของเส้นประสาทด้านหลังหรือกล้ามเนื้อโปร่งแสง ปวดหลังเนื่องจากปัญหาของเส้นประสาท (Radicular Pain) อาจเกิดจากการบีบตัวของเส้นประสาทในเส้นทางที่เรียกว่า "radiculopathy" ซึ่งสามารถมาจากการบีบตัวของเส้นประสาทในบริเวณกระดูกสันหลัง เช่น โดยไดสก์เสียงหน้ากาก หรือสนิทเส้นประสาท หรือจะปวดหลังเนื่องจากปัญหาของกล้ามเนื้อ (Muscle Strain)เกิดจากการบวมหรือบาดเจ็บของกล้ามเนื้อในพื้นที่หลัง เช่น จากการยกน้ำหนักหรือการเคลื่อนไหวผิดพลาดปวดหลังเนื่องจากปัญหาของกระดูก (Spinal Problems) อาจเกิดจากปัญหาของกระดูกสันหลัง เช่น การกดของกระดูกสันหลังหรือเส้นประสาทในช่องสันหลัง ซึ่งอาจเกิดจากโรคเส้นประสาทและภาวะอื่นๆ เช่น ไดสก์เสียงหน้ากาก หรือคลื่นไส้ นอกจากนี้มีกรณีที่ปวดหลังเป็นอาการแรกของโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระดูกสันหลัง หรือมะเร็งในส่วนอื่นของร่างกายที่มีการกระจายไปยังกระดูกสันหลัง เนื่องจากอาการปวดหลังเกิดจากสาเหตุหลายประเภท การวินิจฉัยและรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการของแต่ละบุคคล คำแนะนำคือควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
|
|
โพสต์ 2023-8-22 10:18:25
